วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ตอนที่ 7: การกลับมาพบกันอีกครั้งที่ยากจะเข้าใจ

        แปลไทยโดย : Garinx305

※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※

        "―เป็นอะไรไปน่ะ? ทำไมจู่ๆ ก็เหม่อไปล่ะ?"

        "ฮะ―?"

        ชายวัยกลางคนที่มีท่าทางเคร่งขรึมเรียกเขา แล้วเขาก็ตอบออกไปอย่างเหม่อลอย การตอบสนองนี้ทำให้คิ้วที่ย่นอยู่แล้วของชายคนนั้นยิ่งย่นขึ้นไปอีกในขณะที่เขาทำหน้าบึ้ง

        "ฉันกำลังถามคำถามอยู่นะ! นายจะซื้อมั้ยล่ะ แอปป้าน่ะ?"

        "หา―?"

        "แอปป้าน่ะ! อยากจะกินใช่มั้ยล่ะ? มันน่าตกใจจริงๆ ที่นายมาที่นี่เพื่อพูดอย่างนั้น แล้วจู่ๆดวงตาของนายก็ว่างเปล่าไป ยังไงก็เถอะ จะเอามั้ยล่ะ?"

        เขามีกล้ามเนื้อและแผลเป็นบนใบหน้า แต่ในฝ่ามือของเขามีผลไม้สีแดงสวยอยู่ สุบารุเปรียบเทียบใบหน้าของชายคนนั้นกับผลไม้คล้ายแอปเปิ้ลที่เขาถืออยู่

        "เอ่อ คือว่า ผมหมดตัวอยู่น่ะ"

        "...เอาจริงดิ นายแค่เดินดูเฉยๆ เหรอ? ไปให้พ้นเลย! ฉันทำธุรกิจอยู่ ฉันไม่มีเวลาให้กับพวกเดินดูของหรอกนะ"

        ชายคนนั้นผลักเขาออกไปและเขาก็จากไปอย่างเชื่อฟัง

        เขา― นัตสึกิ สุบารุตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวเองและ

        เอ๊ะ? เอ๋? ―นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?

        ในความสับสน ทั้งหมดที่เขาทําได้คือโยนคําถามนั้นออกมาโดยที่ไม่ได้เจาะจงไปที่ใคร

※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※

        ถนนสายหลักก็ยังคงแออัดเหมือนเดิม เว้นแต่จะมีรถลากกิ้งก่าเดินผ่านเป็นครั้งคราว แต่ถึงอย่างนั้นบนถนนก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน

        ดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นสูงอยู่ ถึงอุณหภูมิจะยังไม่ถึงขนาดที่เขาเรียกว่าร้อน แต่ถ้ามองดูจากมนุษย์สุนัขที่เดินผ่านไปมาแล้ว― หรือเขาควรจะเรียกมันว่ามนุษย์หมาป่าดี? พอลองมองดูขนของมันแล้ว ความคิดที่ว่า "มันต้องร้อนมากแน่ๆ เลย" ก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา แต่ว่า

        "นี่ไม่ใช่เวลามาทำตัวเหมือนพวกคนบ้านนอกเข้าเมืองนะ อืม นี่มันอะไรกัน?!"

        เขาจับหัวและบิดเอวของตัวเอง ขณะที่เขาแสดงท่าโพสเต็มตัวนี้เพื่อแสดงถึงความทุกข์ของตัวเอง สายตาแห่งความสงสัยจำนวนมากก็พุ่งตรงมาที่เขา

        เขารู้สึกคุ้นเคยกับสายตาเหล่านี้ เพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ก็มีบางคนที่จ้องมองเขาในลักษณะที่คล้ายกัน― หรือไม่ก็ ในลักษณะเดียวกัน

        "ใช่แล้ว เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน... มันควรที่จะ"

        ขณะที่พูดเขาก็มองไปรอบๆ อีกครั้ง หลังจากนั้นก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วก็เอียงศีรษะของเขา

        ดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นสูงอยู่ แต่เท่าที่สุบารุจำได้ ดวงอาทิตย์เพิ่งจะตกดินไป

        ความรู้สึกนี้ก็คุ้นเคยสำหรับเขาเช่นกัน

        ครั้งแรกที่เขามาที่โลกใบนี้ เขาเห็นกลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวัน ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ว่าคราวนี้ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง

        "แผลของฉัน... หายไปแล้ว"

        เขาพูดเบาๆ ขณะที่ถกเสื้อขึ้นเพื่อยืนยันสภาพหน้าท้องของตัวเอง

        เขาถูกฟันด้วยสิ่งที่คิดว่าเป็นดาบขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้เลือดและอวัยวะภายในกระจายไปทั่ว แต่กลับไม่มีวี่แววว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นกับเขา เพราะว่าเขาไม่มีรอยแผลเป็น แถมยังเห็นได้ชัดว่าไม่มีร่องรอยของเลือดบนเสื้อของเขาเช่นกัน

        อันที่จริง เสื้อที่ใช้แล้วของเขากลับไม่มีแม้แต่คราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรก ถุงจากร้านสะดวกซื้อในมือของเขายังอยู่ในสภาพดี และในกระเป๋าของเขาก็ยังมีโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์อยู่ ซึ่งหมายความว่าเขากลับมายังจุดเริ่มต้น ในทุกแง่มุม

        ―มันรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจะเป็นบ้า

        "แค่ถูกอัญเชิญมาที่นี่มันก็มากเกินไปสำหรับฉันแล้วนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย..."

        ส่วนเรื่องบาดแผลที่หายไปนั้น เพราะเขาได้เห็นสิ่งที่ซาเทลล่าสามารถทําได้มาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจในเรื่องนี้

        อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในโกดังสินค้า มันแย่มากจนเขามั่นใจว่าเขาจะต้องตายแน่ๆ เมื่อเขาหมดสติไป

        ถ้าแม้แต่บาดแผลแบบนั้นก็สามารถรักษาได้ล่ะก็ ถ้างั้นสำหรับเขาแล้ว เวทมนตร์ของโลกนี้อาจจะสามารถทำให้คนตายกลับขึ้นมามีชีวิตก็ได้

        "เดาว่าคุณค่าของชีวิตก็คงจะลดลงมาบ้างล่ะนะ... เดี๋ยวนะ แล้วคนเมื่อตอนนั้นเป็นใครกันล่ะ?"

        เมื่อจำได้ว่าเขาเห็นบางสิ่งในความทรงจำที่คลุมเครือ สุบารุก็พยายามนึกอย่างกระตือรือร้นว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติไป

        ใช่แล้ว เขากำลังจะตายเพราะลำไส้ของเขาถูกเปิดออก แล้วก็มีเสียงของผู้หญิง หรืออย่างน้อยเขาก็คิดว่าอย่างนั้น

        เขาเจอศพในโกดังสินค้า แล้วเขาก็ถูกโจมตีโดยคนที่เขาสันนิษฐานว่าเป็นฆาตกร และในตอนที่เขากำลังใกล้จะตาย—

        "ใช่แล้ว ซาเทลล่า!"

        หญิงสาวผมสีเงินที่ลงเอยด้วยการเข้าไปในโกดังสินค้าเพื่อตามหาเขา

        พอนึกขึ้นได้ว่าเขาทำอะไรลงไป สุบารุก็เต็มไปด้วยความเสียใจ เพราะเธอเตือนเขาอย่างชัดเจนแล้วว่าอย่าพยายามทำอะไรด้วยตัวเอง และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาควรจะเรียกหาเธอทันที

        คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เพราะความกังวลเกี่ยวกับเขา แต่มันยังหมายความว่าหากสถานการณ์ดูเป็นอันตรายเขาควรจะแจ้งให้เธอทราบ

        แต่เมื่อมาถึงจุดนั้น สุบารุกลับไม่แม้แต่จะสามารถเปล่งเสียงออกมา ส่งผลให้ไม่เพียงแต่ตัวเขาที่ไม่สามารถหนีออกมาได้ แต่ยังทำให้ซาเทลล่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมนี้ไปด้วย

        ขณะที่เขาจมลงในกองเลือดของตัวเองในความมืดนั้น เขาแน่ใจว่าเขาเห็นคนร้ายฆ่าเธออย่างแน่นอน

        เธอล้มลงในกองเลือดเหมือนกับเขา และหยุดเคลื่อนไหวก่อนที่เขาจะได้ทำ—

        "บ้าเอ้ย... เขาบอกว่าจะฝากเธอไว้กับฉันไม่ใช่เหรอ?!"

        เขาจำคำที่พัคพูดกับเขาเอาไว้ก่อนที่จะหายตัวไปได้

        นั่นไม่ใช่คําพูดที่พูดออกมาได้ง่ายๆ แต่ตัวสุบารุเองต่างหากที่ไม่ได้จริงจังกับมันมากพอ และทุกอย่างก็ได้เป็นไปตามที่พัคกลัว

        แม้จะมีคำเตือนมากมาย แต่สุบารุก็ไม่ได้สังเกตอะไรเลยและพลาดโอกาสของเขาไป

        สถานการณ์ในปัจจุบันของเขาก็เป็นผลมาจากสิ่งนั้น

        ถูกโยนออกไปตามท้องถนนโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาปลอดภัยดีหรือเปล่า ตอนนี้เขากำลังหมดหนทาง

        "นี่ฉันเป็นพวกโง่เง่ารึไงเนี่ย?... ไม่สิ ฉันคงจะโง่จริงๆ นั่นแหละ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคร่ำครวญอยู่นะ สำหรับตอนนี้ ฉันจะต้องรีบตามหาพวกเขา..."

        ทั้งสองคนอาจจะตายไปแล้วก็ได้― สุบารุส่ายหัวเพื่อขจัดความคิดที่เลวร้ายนี้ออกไป

        เขามันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แถมยังจะไม่มีสัญญาณของการกลับตัวให้เห็นเลยแม้แต่อย่างเดียว และขนาดตัวเขาเองยังบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าของเสียที่เปลี่ยนออกซิเจนให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรอดมาได้

        ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าผู้ใช้เวทมนตร์ที่ทั้งใจดี แถมยังคอยช่วยเหลือ ถึงจะไม่ค่อยตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอนัก แต่ก็ยังคงความงดงามอยู่ พร้อมทั้งจิตวิญญาณที่โดดเดี่ยวอย่างน่าประหลาดนั้น จะตายได้

        หรือไม่ก็ เขาไม่ต้องการที่จะจินตนาการถึงมัน

        "ยังไงก็ตาม สำหรับตอนนี้ฉันจะต้อง..."

        ―มุ่งหน้าไปยังโกดังสินค้า สุบารุตัดสินใจแบบนั้น

        เพราะนั่นคือที่ที่เขาหมดสติไป เขาเลยอาจจะพบเบาะแสอะไรบางอย่างก็ได้

        เมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำบางอย่าง เขาจะเริ่มทำมันทันที นี่ก็เป็นอีกครั้งที่การตัดสินใจที่รวดเร็วของเขาเปล่งประกาย "ฉันจะไม่ไปโรงเรียนอีกแล้ว" มักจะเป็นการตัดสินใจในแบบที่เขาทำในโลกเก่า แต่ตอนนี้มันน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเขาที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่ต้องลังเล

        อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของเขาคือ―

        "โย่ ไอ้หนู มาทำเรื่องสนุกกันเถอะ"

        ชายสามคนขวางทางออกจากตรอกเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะทำให้เขาลำบากเป็นแน่

※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※ ※

        "เฮ้ย เป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ทำหน้าโง่ๆ แบบนั้นล่ะ"

        "มันอาจจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ เราจะลองสั่งสอนมันกันซักหน่อยดีมั้ยล่ะ?"

        เมื่อเห็นว่าสุบารุไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ต่อการคุกคามของพวกเขานั้น ริมฝีปากของชายคนนั้นก็เอียงขึ้นราวกับกำลังเยาะเย้ยเขา แต่สำหรับสุบารุแล้ว มันเกือบจะเหมือนกับการดูโชว์ตลกซะมากกว่า

        พวกนั้นมีทั้งหมดสามคน แม้แต่การประจบประแจง ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าพวกนั้นแต่งตัวดูดี และการเลี้ยงดูที่ย่ำแย่และอุปนิสัยที่หยาบคายของพวกนั้นก็ปรากฏชัดเจนบนใบหน้า

        บาดแผลของพวกนั้นดูเหมือนจะแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์การต่อสู้ และอุปนิสัยทั่วไปของพวกนั้นก็มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงอย่างเห็นได้ชัด

        สุบารุจำทั้งหมดนี้ได้อย่างชัดเจน เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนพวกนี้ก็คือ

        "นี่พวกแก... หรือว่าบางทีหัวอาจจะไปกระแทกมา?"

        เหตุผลที่เขาได้พบกับซาเทลล่ากับพัคเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว

        โดยพื้นฐานแล้ว พวกนี้เป็นกลุ่มอันธพาลทั่วๆ ไป แต่เนื่องจากที่นี่คือโลก 3 มิติ เขาจึงสงสัยว่านี่เป็นการนำตัวละครกลับมาใช้ใหม่ ดังนั้นบางทีพวกนี้อาจจะเป็นคนละคนกัน แต่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน

        "จะมีผู้ชายหน้าตาเหมือนกันอีกสามคนวิ่งเล่นเป็นโจรจริงๆ เหรอ?"

        ถ้าเพียงแค่หนึ่ง แต่นี่กลับมีถึงสาม มันยากที่จะเชื่อว่าแม้แต่การรวมตัวก็เป็นลักษณะเดียวกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกนี้จะต้องเป็นพวกเดียวกันกับที่เขาจำได้

        "หัวไปกระแทกมาหรือว่า... บางทีนี่อาจจะเป็นการแก้แค้นสำหรับความพ่ายแพ้ในทันทีของพวกแก? เดาว่าเรื่องแบบนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่ในต่างโลกสินะ ไม่พาพรรคพวกมาด้วยเหรอ หรือว่าแกอยากล้างตาแบบยุติธรรมรึไง?"

        ในโลกแห่งความจริง เมื่อโค่นใครซักคนลง พวกนั้นมักจะพาพรรคพวกมาแก้แค้น ในท้ายที่สุด ก็จะต้องเผชิญกับศัตรูที่มาเป็นระลอก และไม่ว่าจะเอาชนะกี่ครั้งสุดท้ายก็จะต้องตายเพราะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล แล้วก็จบเกม เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย

        เมื่อพิจารณาถึงโซ่ตรวนของความเจ็บปวดที่รูปแบบนี้สร้างขึ้นแล้ว บางทีคนพวกนี้ควรได้รับคำชมเชยที่พึ่งพากำลังของตนเองแทนที่จะเรียกคนอื่น

        ยังไงก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่าพวกนี้เห่าใส่ต้นไม้ผิดต้นหากพวกนี้พุ่งเป้ามาที่เขา

        "ก็นะ ฉันเข้าใจนะว่าพวกแกอยากจะเลือกคนที่อ่อนแอกว่า ดังนั้นฉันจึงว่าอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้มันไม่สะดวกสำหรับฉัน หรือฉันควรพูดว่า..."

        "นี่มันพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย? บางทีมันอาจจะเพี้ยนไปแล้วก็ได้?"

        พวกนั้นเยาะเย้ยสุบารุ ในขณะที่เขามองหาวิธีที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ อย่างฉันมิตรผ่านการสนทนา

        แน่นอน ว่านี่มันทำให้สุบารุหงุดหงิด เหตุผลเดียวที่เขาพยายามที่จะแก้ปัญหาอย่างสันติก็เป็นเพราะว่าเขากำลังรีบอยู่ ในความเป็นจริงแม้แต่ในสถานการณ์ปกติเขาก็ค่อนข้างใจร้อน

        แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อพิจารณาถึงความร้ายแรงของสถานการณ์แล้ว เขาก็พร้อมที่จะรับมือกับการดูถูกเล็กน้อย แต่ว่า

        "เอาล่ะ ไอ้หนู ส่งของทุกอย่างที่แกมีมา แล้วบางทีพวกเราอาจจะปล่อยแกไปก็ได้"

        "เออ ได้ ได้ ทุกอย่างที่ฉันมี ใช่รึเปล่า? ฉันกำลังรีบอยู่ เพราะฉะนั้นแค่นี้แหละ"

        "ที่นี้ก็ทำตัวเหมือนหมา! ลงไปคลานสี่ขาแล้วร้องขอความช่วยเหลือซะ"

        "อย่าเหลิงเกินไปนะเว้ย ไอ้พวกเวร!"

        พวกนั้นเริ่มที่จะอวดดีจนเกินไป และความอดทนของสุบารุก็หมดลง

        ชายพวกนั้นต่างตกใจกับความโกรธที่พุ่งออกมาอย่างกะทันหันของสุบารุ ขณะที่พวกนั้นยืนอึ้งอยู่นั้น สุบารุก็พุ่งเป้าไปที่ชายที่อยู่ตรงกลาง

        เขาคือชายถือมีดที่หยุดสุบารุได้สำเร็จในครั้งที่แล้ว ตามปกติแล้ว เขาคงจะชักมีดออกมาได้อย่างรวดเร็วเหมือนครั้งก่อน เพราะฉะนั้น

        "ฉันจะเริ่มจากแกก่อนเลย! ฉันน่ะเกลียดไอ้พวกที่ไม่ให้คุณค่ากับชีวิตที่สุด! ตายซะ!!"

        เขาใส่น้ำหนักตัวทั้งหมดไปไว้ที่ด้านหลังฝ่ามือขณะที่มันกระแทกเข้ากับกรามของชายคนนั้น จากนั้นเขาก็ใส่แขนซ้ายของเขาเข้าไปในลำตัวของชายคนนั้นที่ไม่มีการป้องกัน กระแทกเขาเข้ากับกำแพงและทำให้เขาหมดสติไปทันที

        มันเป็นผลงานของความรวดเร็วพร้อมกับการที่ชายอีกสองคนนั้นตอบสนองช้า จากนั้นสุบารุก็ทำให้ชายอีกคนหนึ่งล้มลงด้วยการเตะไปที่เขา จากนั้นเขาก็ใช้ประโยชน์จากช่องเปิดนี้เพื่อมุ่งเป้าไปที่ชายคนสุดท้าย และพุ่งเข้าไปหาเขา

        เมื่อจับเขาได้แล้ว สุบารุก็ยกเขาขึ้นแล้วเหวี่ยงเขาเข้ากับกำแพงด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี ชายคนนั้นคร่ำครวญกับแรงกระแทกขณะที่สุบารุจัดการกับเขาด้วยการเตะ แต่เมื่อจะเดินไป ชายคนนั้นก็เริ่มที่จะลุกขึ้น

        "ชิ... ไอ้บ้าเอ้ย"

        "ไม่เอาน่า นี่มันตัวต่อตัวแล้วนะ ฉันจัดการกับคนที่ถือมีดกับนาตาไปแล้ว ทีนี้แกจะทำยังไงล่ะ?"

        อะดรีนาลีนที่สูบฉีดเข้าเส้นเลือดของสุบารุทำให้เขามีความมั่นใจ นั่นดูเหมือนจะกดดันชายคนนั้นและการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไป ในความเป็นจริง เขาคือคนที่ถูกซาเทลล่าทำให้สลบไป ในการเผชิญหน้าครั้งที่แล้ว เขาเป็นคนเดียวที่สุบารุไม่สามารถยืนยันอาวุธของเขาได้ แต่ถ้าพิจารณาจากปฏิกิริยาเมื่อกี้แล้ว เขาก็คงจะไม่มีสิ่งของที่อันตรายอยู่กับตัว

        "ถ้าแกอยากจะสู้ด้วยหมัดล่ะก็ ฉันก็จะไม่ยอมคุกเข่าให้แกง่ายๆ หรอกนะ รู้มั้ย"

        "อย่ามาล้อเล่นนะ ไอ้บ้า อา! อย่ามาดูถูกกันนะ ไอ้เด็กเวร!!"

        สุบารุยั่วยวนเขาด้วยการกวักมือ และชายคนนั้นก็ตอบสนองด้วยการพุ่งเข้าใส่เขาในขณะที่น้ำลายกระเด็นออกจากปาก

        ในขณะที่ชายคนนั้นพยายามที่จะคว้าตัวเขา สุบารุต้อนรับการเข้ามาของเขาด้วยกำปั้น และหมัดของเขาก็จมลงไปที่หน้าอกของชายคนนั้น แต่ชายคนนั้นก็จู่โจมเขาอย่างดุเดือดและชนเขาจนไปติดกับผนัง อย่างไรก็ตาม

        "จงดูซะ!"

        สุบารุคว้าข้อมือของชายคนนั้นและบังคับให้เขาปล่อยด้วยการใช้แรงที่มากกว่า เมื่อเห็นใบหน้าที่ตกใจของชายคนนั้น ใบหน้าอันชั่วร้ายของสุบารุก็บิดเบี้ยวเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

        "อย่าดูถูกฉันเพียงเพราะฉันเป็นพวกเก็บตัวนะ ฉันเหวี่ยงดาบไม้ทุกวันโดยไม่มีเหตุผล และด้วยเหตุนี้ แรงกดของฉันจึงมากกว่า 70 กิโลไปแล้ว แล้วฉันยังยกนํ้าหนักได้ถึง 80 กิโลด้วย"

        ครั้งหนึ่งเขาเคยทำลายบรรยากาศในการชุมนุมของครอบครัวด้วยการบีบแอปเปิ้ลด้วยมือเปล่า เหตุการณ์จากอดีตอันมืดมนของเขา ชีวิตเก็บตัวของเขารวมถึงการฝึกฝนทุกวันที่เขาไม่เคยละเลย ความแข็งแกร่งของเขาคือถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีขนาดใกล้เคียงกันล่ะก็ เขาจะแพ้ก็ภายใต้สถานการณ์ที่พิเศษเท่านั้น

        ชายคนนั้นส่งเสียงร้องเมื่อข้อมือของเขาถูกหัก และทันทีที่เขาปล่อยมือ เข่าของสุบารุก็ลอยเข้ามาหา แรงกระแทกที่หน้าท้อง ทำให้ชายคนนั้นล้มลงเป็นรูปตัว く จากนั้นสุบารุก็รีบเข้าไปข้างหลังเขา

        "อย่าโทษฉันละกัน ถ้าแกตาย แต่ฉันอยากจะลองทำแบบนี้มานานแล้ว เหวี่งข้ามหัวลงบนพื้นแข็ง!"

        เขาโอบแขนเอาไว้รอบเอวของชายคนนั้นและเหวี่ยงเขาขึ้นเหนือศีรษะอย่างแรงขณะที่เอนหลัง มันคล้ายกับซูเพลกซ์ในมวยปล้ำอาชีพ แต่เขากลับเผลอปล่อยระหว่างครึ่งทาง ชายคนนั้นทำอะไรไม่ถูกเมื่อศีรษะชนกับกำแพง และเขาก็นิ่งไปโดยสมบูรณ์เมื่อร่างของเขาทรุดลงกับพื้น

        เมื่อยืนยันว่าชายทั้งสองสลบไปแล้ว สุบารุก็เดินไปหาชายคนแรกที่เขาจัดการลง ชายคนที่ถือมีด

        ชายคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักและดูเหมือนว่าเขาจะสลบไปเพราะความเจ็บปวด แต่เมื่อสุบารุเข้าใกล้ จู่ๆ เขาก็พยายามที่จะชักมีดออกมา สุบารุเหยียบหน้าของเขาอย่างรุนแรงเมื่อเขาพยายามที่จะทำแบบนั้น ทำให้เขาสลบลงไปทันที

        "ฮึ่ม นั่นมันง่ายมาก! แม้แต่ในโลกนี้ ความชั่วร้ายก็ไม่มีวันชนะสินะ!"

        ตั้งท่ายืนหยัดอย่างมีชัย นัตสึกิ สุบารุ ฉลองชัยชนะด้วยตัวเขาเอง เขารู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าการฝึกแบบไร้จุดหมายทั้งหมดของเขานั้นไม่ได้สูญเปล่า อย่างไรก็ตาม

        "สถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ฉันถูกรั้งไว้นิดหน่อย แต่ตอนนี้จะต้องรีบไปที่โกดังสินค้า"

        เมื่อเขายืนยันว่าแล้วว่าพวกนั้นไม่ได้ตาย สุบารุก็ออกจากตรอกไป

        คนบนถนนหลายคนดูค่อนข้างแปลกใจที่เห็นเขาโผล่ออกมาโดยไม่ได้รับอันตราย สุบารุสังเกตเห็นพวกเขาอ้าปากค้างราวกับว่าพวกเขาคาดหวังผลลัพธ์อื่น นี่ทำให้เขาอยากจะตะโกนว่าถ้าพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นล่ะก็ พวกเขาก็ควรจะรายงานมันกับยามสิ

        แต่แน่นอน เพราะความขี้อาย สุบารุเลยไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้ แล้วเขาก็วิ่งออกจากบริเวณนั้นไป